ปัญหาสนิมในโรงงานอุตสาหกรรม
เหล็ก เป็นวัสดุที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นในโครงสร้างอาคาร เครื่องจักรหนัก หรืออุปกรณ์การผลิต เนื่องจากมีต้นทุนต่ำและง่ายต่อการขึ้นรูป แต่ผู้ที่ทำงานด้านการซ่อมบำรุงในโรงงานต่างทราบดีว่า “เหล็กย่อมมาคู่กับสนิม” บทความนี้จะอธิบายสาเหตุของการเกิดสนิม ปัญหาที่ตามมา และวิธีจัดการเมื่อเกิดสนิมขึ้นแล้ว
ทำไมถึงเกิดสนิม?
สนิมเกิดขึ้นเมื่อเหล็กสัมผัสกับอากาศชื้น แม้หลายคนจะรู้ข้อเท็จจริงข้อนี้ แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจถึงปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ซึ่งกระบวนการที่เกิดขึ้นในระดับจุลภาค มีดังนี้:
อะตอมของเหล็ก (Fe) ปล่อยอิเล็กตรอน (e⁻) ในน้ำ กลายเป็นไอออนเหล็ก (Fe²⁺)
โมเลกุลของออกซิเจน (O₂) และน้ำ (H₂O) รับอิเล็กตรอนกลายเป็นไอออนไฮดรอกไซด์ (OH⁻)
ไอออน Fe²⁺ และ OH⁻ รวมกันเป็นเหล็ก(II)ไฮดรอกไซด์ (Fe(OH)₂)
Fe(OH)₂ ทำปฏิกิริยากับ O₂ และ H₂O กลายเป็นเหล็ก(III)ไฮดรอกไซด์ (Fe(OH)₃)
Fe(OH)₃ เกิดการระเหยน้ำบางส่วน กลายเป็นเหล็ก(III)ออกไซด์ (Fe₂O₃) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สนิมแดง”
หัวใจสำคัญ คือ “สนิมเกิดจากการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอนระหว่างเหล็กกับออกซิเจนในน้ำ” ดังนั้น หากเคลือบผิวเหล็กด้วยน้ำมันหรือสี เพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสกับน้ำและออกซิเจน ก็จะสามารถหยุดปฏิกิริยาเหล่านี้และชะลอการเกิดสนิมได้
ปัญหาที่เกิดจากสนิม
แม้ว่าเหล็กจะมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง แต่สนิมหรือเหล็ก(III)ออกไซด์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับมีลักษณะเปราะและไม่แข็งแรง ส่งผลให้เหล็กที่เป็นสนิมสูญเสียความสามารถในการรับน้ำหนัก เช่น นั่งร้านที่ขึ้นสนิมอาจพังถล่มลงมา นำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง
นอกจากนี้ พื้นผิวเหล็กที่เคยเรียบ เมื่อเกิดสนิมจะกลายเป็นผิวขรุขระ ทำให้ดูดซับความชื้นและออกซิเจนได้มากขึ้น ส่งผลให้การเกิดสนิมลุกลามต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่า “สนิมเรียกสนิม”
ควรทำอย่างไรเมื่อเกิดสนิม?
ขั้นแรกคือการ ขจัดสนิม (Fe₂O₃) ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีทางกายภาพ เช่น ขัดด้วยแปรงลวด หรือใช้ น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กรด เพื่อกัดสนิมออก แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ การดูแลหลังขจัดสนิม
หลังขจัดสนิม พื้นผิวโลหะที่เปลือยจะไวต่อการเกิดสนิมใหม่อย่างมาก และน้ำยากำจัดสนิมที่เป็นกรด หากไม่ล้างหรือปรับสภาพให้เป็นกลาง อาจเร่งการเกิดสนิมแทนได้ ดังนั้น จำเป็นต้อง เคลือบพื้นผิว ด้วยน้ำมันกันสนิมหรือสีทันทีหลังทำความสะอาด
ทางเลือกใหม่: การใช้ “สนิมดำ”
นอกจากการขจัดสนิม ยังมีอีกแนวทางหนึ่งคือการ เปลี่ยนชนิดของสนิม
สนิมแดง VS สนิมดำ
สนิมแดง คือเหล็ก(III)ออกไซด์ (Fe₂O₃) เปราะและหลุดล่อนง่าย
สนิมดำ คือแมกนีไทต์ (Fe₃O₄) มีโครงสร้างแน่น ยึดเกาะผิวดี และสามารถปกป้องเหล็กชั้นในได้
หลักการนี้ถูกนำมาใช้ในหัตถศิลป์ญี่ปุ่น เช่น กาต้มน้ำเหล็กนัมบุ (南部鉄器)
เทคนิค Kanake-dome (คานาเกะโดเมะ)
ในการทำกาต้มน้ำเหล็กนัมบุ หลังจากนำเหล็กออกจากแม่พิมพ์ จะนำไปเผาด้วยถ่านไม้ที่อุณหภูมิสูงประมาณ 900°C เพื่อให้เหล็กทำปฏิกิริยากับไอน้ำ เกิดเป็น Fe₃O₄ (สนิมดำ) และก๊าซไฮโดรเจน (H₂) เปลี่ยนพื้นผิวจากสีเงินเป็นสีดำ ซึ่งช่วยป้องกันสนิมได้อย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม การสร้างชั้นสนิมดำที่เสถียรในสภาพโรงงานทั่วไปนั้นทำได้ยาก แล้วจะนำคุณสมบัตินี้มาใช้ได้อย่างไร?
การแปลงสนิมแดงเป็นสนิมดำ
แนวทางที่ใช้งานได้จริงในโรงงานคือ การใช้สารแปลงสนิม (Rust Converter) ที่สามารถเปลี่ยนสนิมแดง (Fe₂O₃) เป็นสนิมดำ (Fe₃O₄) ซึ่งหยุดกระบวนการกัดกร่อนได้
ข้อดีของสารแปลงสนิม:
ไม่ต้องขจัดสนิมก่อน ประหยัดแรงงานและลดความเสี่ยงจากสารเคมี
ไม่ต้องล้างออก หรือปรับสภาพเป็นกลาง
ผิวที่เหลือเหมาะกับการทาสีทับ
แต่ข้อจำกัดคือ ใช้ได้ดีเฉพาะพื้นที่ที่เป็นสนิมขนาดใหญ่ หากมีสนิมเฉพาะจุดหรือพื้นที่เล็กอาจไม่เห็นผลชัดเจน และปฏิกิริยาอาจไม่สมบูรณ์ในสภาพอุณหภูมิต่ำมาก
โซลูชันการดูแลสนิมและการกัดกร่อนอย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกวิธีป้องกันสนิมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพหน้างาน NCH มีโซลูชันหลากหลาย ได้แก่:
น้ำยาทำความสะอาดสูตรกรดที่ไม่เร่งสนิม
น้ำยาปรับสภาพสนิมสูตรน้ำ ปลอดภัย ไม่ติดไฟ
สเปรย์เคลือบผิวแห้งเร็วสำหรับป้องกันทันที
ด้วยความเชี่ยวชาญและผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม NCH สามารถให้คำปรึกษาและวางแผนการดูแลสนิมอย่างตรงจุด เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม


